ถอดรหัสข้อมูลกับลาบูบู้

รูปภาพ Title ถอดรหัส LABUBU

LABUBU ตุ๊กตาที่ผู้คนต่างชื่นชอบและอยากได้จนเกิดกระแสความนิยมอย่างถล่มทลายสร้างการพูดถึงบนโซเชียลมีเดียสูงถึง 21,456,829 เอ็นเกจเมนต์ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา จนของขาดตลาด และราคาพุ่งทยานไปดวงจันทร์ ทาง Data Echooo ได้ร่วมมือกับทาง Wisesight ในการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ “ลาบูบู้” ผ่านเครื่องมือ Zocial Eye จาก บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จะมาชวนถอดรหัส LABUBU เผยข้อมูลและกลยุทธ์เบื้องหลังปรากฏการณ์สินค้าที่ผู้คนอยากจับจอง

ทำความรู้จักกับ น้องบู้ (ลาบูบู้)

Labubu (ลาบูบู) เจ้ามอนสเตอร์จิ๋วผู้มีฟันหยักและหูยาวหนึ่งในซีรีย์ The Monster ที่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ความน่ารักที่ครองใจผู้คนทั่วโลก เป็นผลงานการออกแบบของ คาซิง ลุง (kasing lung) ศิลปินชาวฮ่องกง ได้แรงบันดาลใจจากตำนานนางฟ้าโบราณทั่วยุโรป ผสมผสานความน่ารักของเอลฟ์และความซุกซนขี้เล่น กลายเป็นเจ้ามอนสเตอร์จิ๋วที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเดิมน้องบู้มีรูปร่างผอมเพรียว หน้าเรียว และโหนกแก้มมาก่อน แต่พอมาเซ็นสัญญากับ POP MART คาแรกเตอร์ถูกปรับโฉมออกมาใหม่ให้มีใบหน้าที่อ้วนขึ้นและมีขนฟูฟูน่ารัก

รูปคาซิง ลุง (kasing lung) ศิลปินชาวฮ่องกง

ซึ่งคอลเลกชันที่เป็นกระแสขาดตลาดและถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบันคือ The Monsters Exciting Macarons หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อของ ‘ลาบูบู้ มาการอง’ (หรือ พวงกุญแจลาบูบู้) คอลเลกชันนี้มีคอนเซปต์มาจากรสชาติของมาการองโดยมีการตั้งชื่อต่าง ๆ อาทิเช่น Soymilk, Toffee, Sesame Bean ซึ่งเป็นกล่องสุ่มที่ทุกคนรู้จัก แต่ที่คอลเลกชันนี้พิเศษกว่ากล่องสุ่มทั่วไปเพราะเป็นขนปุยเหมือนตุ๊กตา

กระแสความนิยม: ลาบูบู้ฟีเวอร์

Labubu ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียไปมากกว่า 86,699 ข้อความ สร้างยอดเอนเกจเมนต์ไปกว่า 21,456,829 เอนเกจเมนต์ ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม – 18 เมษายน 2024 ผ่านเครื่องมือ Zocial Eye จากบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยข้อความส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม X มากที่สุด (45.19%) ตามมาด้วย Facebook (44.07%), Instagram (8.71%)

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วลาบูบู้มาการองถูกวางจำหน่ายครั้งแรกที่ร้านสาขาในไทยตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2024 โดยช่วงนั้นยังไม่ได้เป็นกระแสที่ถูกพูดถึงมากนัก (โพสจาก POP MART Thailand ที่ให้ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าชมร้านมียอดแชร์เพียง 387 แชร์เท่านั้น) แต่ก็หาซื้อไม่ได้ง่ายนักเนื่องจากลาบูบู้เป็นหนึ่งในซีรีย์ตัวละครที่ได้รับความนิยมในหมู่คนสะสม Arttoy เหมือนกับ Cry Baby และมีพ่อค้าแม่ค้ามาซื้อเพื่อไปขายต่อ ทำให้สินค้าขาดสต็อกอยู่เรื่อย ๆ แม้ทางร้านจะมีการรีสต็อกเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ตาม

[FUN FACT] บนร้านค้าทางการในช่องทาง e-Commerce อย่าง Lazada และ Shopee ถูกขายไปมากกว่า 10,000 ชิ้น (Lazada 6.1+ k ชิ้น, Shopee 3.1+ k ชิ้น)

แต่ที่ทำให้ถูกพูดถึงจนกลายเป็นกระแสฟีเวอร์เกิดจากที่ลิซ่า Blackpink ถือกล่องลาบูบู้อัปลงสตอรี่ทาง IG ซึ่งทำให้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง และแทบทุกสื่อต่างให้ความสนใจกับสิ่งนี้นำมาทำเป็นข่าว จนทำให้คำว่า ลาบูบู้ ติด Top Trends คำค้นหาใน Google ในวันที่ 9 เมษายน

ซึ่งจากกระแสลาบูบู้ฟีเวอร์นี้ส่งผลให้ราคาที่พ่อค้าแม่ค้านำมารีเซลล์ขายในราคา 800 – 1300 พุ่งทยานขึ้นไปที่ 2000 ถึง 5000 บาทต่อตัว แม้ราคาหน้าร้านทางการจะอยู่ที่กล่องละ 550 บาท แต่ก็มีหลายคนที่อยากครอบครองและยอมซื้อในราคานี้แม้จะแพงมากกว่าเดิม 5 เท่าก็ตาม

กระแสใน TikTok

ตัวอย่างคลิปที่เป็นกระแสใน TikTok

ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 เมษายน) ทาง POP MART Thailand ได้โพสลง Facebook ถึงการกลับมาของต้าวบู้ โดยจะวางจำหน่ายวันที่ 24 เมษายน 2024 ผ่านเงื่อนไขการลงทะเบียนออนไลน์ในวันที่กำหนดโดยให้เฉพาะ 1,550 ท่านแรก ในรูปแบบการซื้อ 1 ท่าน ต่อ 1 box (กล่องใหญ่) เท่านั้น สร้างยอดแชร์ไปกว่า 16k + แชร์ในเวลาไม่ถึง 1 วัน

ซึ่งหากนำมาคำนวณเป็นรายได้เฉพาะล็อตที่กำลังจะรีสต็อกล่าสุดสร้างรายได้ถึง 5,115,000 บาท (3,300 บาทต่อกล่องใหญ่ x จำนวนคนที่มีสิทธิ์ซื้อ) โดยแทบจะเป็นงบการตลาด 0 บาทก็ว่าได้


กลยุทธ์การตลาด: บทเรียนจากลาบูบู้

จากกระแสลาบูบู้ฟีเวอร์ Data Echooo เลยอยากชวนผู้อ่านมาถอดบทเรียนและกลยุทธ์การตลาดกันดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

🔑  Differentiation (สร้างความแตกต่าง)

สินค้าคอลเลกชันนี้ สร้างลักษณะให้มีความแตกต่างออกไปจากกล่องสุ่มคอลเลกชันที่ผ่านมา มีความเป็นขน ลักษณะเป็นตุ๊กตา ซึ่งทำให้ยิ่งมีความน่ารักมากขึ้นและสร้างความอยากได้ให้กับผู้คนมากขึ้น ซึ่งถ้าใครอยู่ในวงการ Arttoy จะเห็นว่า POP MART พยายามเพิ่มลูกเล่นให้กับกล่องสุ่มมากขึ้นเช่น โดนน้ำเปลี่ยนสีได้ เปิดไฟได้ แม้จะไม่ใช่ตัวซีเคร็ตก็ตาม พอคอลเลกชันนี้เป็นลักษณะที่เป็นพวงกุญแจ ผู้คนเลยสามารถนำออกไปนอกบ้านหรือห้อยกับกระเป๋าได้

🔑  Fashion (แฟชั่น)

ในช่วงหลังมานี้ เทรนด์แฟชั่น Bag Charm ได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นการนำพวงกุญแจตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ มาห้อยกระเป๋า เพื่อเพิ่มความน่ารักให้กับกระเป๋า ซึ่งมีหลายร้านที่เปิดเป็นเวิร์คช็อป DIY พวงกุญแจอาร์ตทอย นำตัวละครเช่น Crybaby, Molly มาดัดแปลงเป็นพวงกุญแจห้อยกระเป๋าได้ ซึ่งด้วยความที่คอลเลกชันนี้น้องลาบูบู้เป็นพวงกุญแจอยู่แล้ว หลายคนที่ซื้อมาก็เอามาห้อยกับกระเป๋า พาไปด้วยทุกที่ ไม่เว้นแต่ร้านชาบู และมีการหาถุงมาคลอบเพื่อไม่ให้กลิ่นติดตัวน้อง

นอกจากนี้มีจับน้องลาบูบู้จับมาแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าเพิ่มความน่ารักและความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็น ชุดท่องเที่ยว ชุดสัตว์ ชุดตัวละครจากการ์ตูน และมีการอัปคลิปแชร์เรื่องราวเหล่านี้บนโลกโซเชียล

ซึ่งแฟชั่นถือได้ว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นความต้องการและโน้มน้าวให้ผู้คนตัดสินใจซื้อ

🔑 FOMO – Fear of Missing Out (กลัวพลาด กลัวตกกระแส)

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าในช่วงแรก ลาบูบู้จะมีแค่ผู้ติดตามบางกลุ่มที่สะสมและชื่นชอบเท่านั้นและราคาไม่ได้สูงมากนัก แต่เมื่อเริ่มมีคนพูดถึงในโลกโซเชียลมากขึ้น รวมถึงลงคลิปต่าง ๆ ใน TikTok ทำให้หลาย ๆ คนแม้ไม่ได้สะสมมาก่อน แต่ก็เกิดความสนใจและอยากได้ กลัวว่าจะตกกระแสนี้ ซึ่งทำให้ราคาเริ่มพุ่งขึ้นมาและของขาดตลาดมากขึ้น แต่เมื่อลิซ่า Blackpink และเหล่าเซเลบริตี้ ศิลปิน มีสิ่งนี้ ทำให้ผู้คนที่เห็นหรือติดตามศิลปินอยู่รู้สึกกลัวที่จะตกเทรนด์สิ่งนี้

🔑 Music Marketing (เสียงเพลง)

🎵LABU~LABU~LABU~LABULABU~

อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดของ POP MART คือทำแผ่นเสียงเพลง LABUBU ซึ่งเป็นเครื่องมือในการดึงดูดความสนใจ สร้างการจดจำ คลิปใน TikTok ของ popmartglobal ถูกเล่นไปมากกว่า 549K ครั้งและถูกนำไปใช้เป็นแผ่นเสียงกว่า 39.4K วิดีโอ จนทำให้เกิดเป็นอาการที่เรามักจะนึกถึงเพลงใดเพลงหนึ่ง ท่อนใดท่อนหนึ่งวนเวียนอยู่ในหัวไปมา หรือที่เราเรียกกันว่า “เพลงติดหู” จนมีคลิปที่เพลงนี้ถูกนำไปเปิดในร้านกลางคืน หรือนำไปร้องตาม ซึ่งเพลงนี้เองมีลักษณะที่คล้ายกับเพลงของ Donki

🔑 EARN MEDIA

ความน่ารักของน้องบู้ทำให้ถูกพูดถึง และบอกต่อ ผ่านการแชร์ ส่งต่อไปให้เพื่อน รวมทั้งรีวิวต่าง ๆ โดยที่ POP MART แทบไม่ต้องเสียเงินหรือจ้าง รวมทั้งมีเหล่าดารา ศิลปิน เซเล็บ อินฟลูซื้อมาถ่ายรูปและรีวิวกันอย่างมากเช่น ลิซ่า Blackpink, ฝน ศนันธฉัตร, เลโก้ LYKN, เจมิไนน์ GMMTV, น้าเน็ก, เอวา, แทค ภรันยู, แป้ง Wink White เป็นต้น


เทคนิคการขาย

อยากชวนมาพูดถึงการขายและเทคนิคการขายของสินค้าที่สร้างความนิยมถล่มทลายในไทยกันบ้าง แม้ทาง POP MART จะมีการมาเปิดสาขาอย่างเป็นทางการที่ไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีการเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการรีสต็อกอยู่เรื่อย ๆ แต่สินค้าก็ยัง SOLD OUT ทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ จากการที่พ่อค้าแม่ค้าไปกวาดซื้อจากร้านออนไลน์ รวมทั้งสั่งจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อนำมารีเซลล์ในราคาที่สูงกว่า และวางจำหน่ายผ่านหน้าร้านของพ่อค้าแม่ค้า ไลฟ์ใน TikTok รวมทั้งตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ

💰 กลยุทธ์การตั้งราคา

ราคาจากหน้าร้านทางการจะอยู่ที่ 550 บาท/ตัว และเหมาหมด box หรือ 6 ตัวจะอยู่ที่ 3300 บาท/box ซึ่งหากใครไปเดินตามหาเพื่อซื้อในช่วงแรก ๆ จะพบว่าราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 800 บาทเท่านั้น หรือราคาบวกเข้าไปประมาณ 50% ซึ่งส่วนใหญ่ทุกร้านจะตั้งราคาประมาณนี้เพื่อยังเหลือกำไรส่วนต่างจากค่า GP ขายออนไลน์และค่าใช้ต่าง ๆ แต่พอเริ่มมีกระแสทำให้คนถามหามากขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากคนถามในคอมเมนต์หรือในไลฟ์ ส่งผลให้ Demand สูงกว่า Supply หรือมีผู้บริโภคต้องการสินค้านั้นมากกว่าจำนวนสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ ผู้ขายจึงมีโอกาสตั้งราคาขายได้สูงขึ้น และสินค้าเป็นสิ่งที่มีจำนวนจำกัดมาก ๆ และน้อยคนที่จะไปต่อคิวซื้อที่ร้านค้าทางการเนื่องจากกดผ่านระบบจองเท่านั้น

💰 กลยุทธ์การ Restock

สำหรับคอลเลกชันที่ขายดีจน SOLD OUT แต่ยังถูกพูดถึงเป็นกระแสหรือถามหา ทาง POP MART จะมีการเติมสินค้าเหล่านั้น กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่พลาดโอกาสซื้อสินค้านั้นไป และดึงดูดลูกค้าใหม่ ซึ่งทางร้าน POP MART ทั้งออนไลน์และหน้าสาขาจะไม่ได้ restock ทันทีที่สินค้าหมดหรือทุกวัน แต่จะกำหนดเป็นช่วง ๆ อย่างในออนไลน์มักจะเล่นกับแคมเปญ 1.1, 2.2 , Mid-month ในการเติมสินค้า ส่วนออนไลน์จะมีการประกาศข่าวสารให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า 1 วันก่อนสินค้าลง และให้ลูกค้าลงทะเบียนผ่านระบบของ pubcastplus (ซึ่งก่อนหน้านี้ระบบนี้นิยมถูกใช้ในร้านกลางคืนกับระบบแจกวาร์ปขึ้นหน้าจอ) สลับกันบ้างกับ Google Form และล่าสุดโพส Restock ของ POP MART ถูกแชร์ไปกว่า 16k + ซึ่งยังไม่รวมกับเพจอื่นที่นำไปทำคอนเทนต์ ซึ่งสร้างความมั่นใจได้ว่าของที่ Restock รอบนี้ก็จะหมดอีกครั้งอย่างแน่นอน

💰กลยุทธ์การขายแบบสุ่มในสุ่ม

ด้วยจำนวนสินค้าที่มีจำกัดและพ่อค้าแม่ค้าแต่ละร้านได้มาไม่เยอะมากเลยมีหลายร้านที่จะเลือกวิธีการขายด้วยเทคนิค “จุ่มในจุ่ม” คือการนำกล่องสุ่ม Labubu มาคละกับกล่องสุ่มตัวละครอื่น ในราคาเดียว เหมือนเป็นการที่สุ่มรอบแรกว่าได้คอลเลกชันไหน แล้วต้องมาลุ้นอีกทีว่าตัวที่ได้เป็นตัวไหนในคอลเลกชันนั้น นับเป็นวิธีการที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถระบายสินค้าค้างสต็อก สินค้าขายช้า หรือสินค้าตกรุ่นได้ ซึ่งมีตั้งราคาตั้งแต่ 399 – 1000+ บาท

เก็บข้อมูลจากเครื่องมือ Zocial Eye จากบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด
เรื่องและเตรียมข้อมูลโดย Jubby (Udomchai Nirasrop)
วิเคราะห์และภาพโดย SafeSnapp

Table of Contents

Picture of Jatawat Xie

Jatawat Xie

งานหลักเป็น PM งานเสริมเป็น Content Creator ที่สนใจในเรื่องของดาต้า เทคโนโลยี จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง เวลาว่างชอบดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ฟังเพลง
Picture of Jatawat Xie

Jatawat Xie

งานหลักเป็น PM งานเสริมเป็น Content Creator ที่สนใจในเรื่องของดาต้า เทคโนโลยี จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง เวลาว่างชอบดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ฟังเพลง