เทรนด์ประกันรถยนต์ 2025: เมื่อ Data ของคุณกลายเป็นตัวกำหนดราคาเบี้ยประกัน

เทรนด์ประกันรถยนต์ 2025

Table of Contents

ไม่ว่าจะอยู่ในสายงานไหน…ตอนนี้ก็หนีคำว่า Data ไม่พ้นแล้ว และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนไปคือ “ประกันรถยนต์” บทความนี้เลยอยากชวนคุณมาถอดรหัสและเจาะลึก Insight การใช้ข้อมูลและเทรนด์ในประกันภัยรถยนต์ในฉบับ Data Echooo กัน

สรุปเนื้อหาส่วนหนึ่งจากงานแถลงข่าวเปิดตัวงาน InsureX FORUM 2025 : Uncertainty to Transformation โดย สิรวิชญ์ ฉายะวาณิชย์ (Head of Priceza Money)

1.ข้อมูลของคุณ = เรซูเม่ติดตัว

Data กำลังจะกลายเป็น ‘เรซูเม่’ สำหรับการประกันรถยนต์ เพราะการตั้งราคาเบี้ยจะไม่ได้อิงจากแค่รุ่นของรถยนต์อีกต่อไป แต่จะอิงจากพฤติกรรมการขับขี่ของคุณ

เดิมทีเมื่อเบี้ยประกันสูงขึ้นเรามักจะย้ายบริษัทประกันภัยรถยนต์จากบริษัทหนึ่งไปอีกบริษัทหนึ่งเพื่อรับส่วนลดเพราะมันไม่มีข้อมูลหรือประวัติที่เราเคลมหรือชนตามมา

ในปี 2026 (ตั้งแต่ 1 มกราคม) จะบังคับใช้กฏใหม่ที่ว่า หากต้องการทำประกันรถยนต์ ต้องมีการระบุผู้ขับขี่ ระบุชื่อคนขับ 1 คนขึ้นไป สูงสุดได้ 5 คน ซึ่งหากคนขับมีประวัติการขับรถที่ดี ในปีต่อๆไปมีสิทธิ์จะได้รับส่วนลดพฤติกรรมผู้ขับขี่ตั้งแต่ 10% และสูงสุด 40%

และทางคปภ.ได้เปิดตัวระบบ Open Insurance ที่บริษัทประกันภัยสามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลของผู้เอาประกันได้ นั่นหมายความว่า ข้อมูลการขับรถของคุณ เช่น พฤติกรรมการขับ ประวัติการเคลม ฯลฯ จะไม่อยู่แค่ในบริษัทเดียวอีกต่อไป (เปรียบเหมือนเครดิตบูโร)

ประกันแบบเหมารวม → เฉพาะบุคคล (Personalized)

เมื่อบริษัทประกันมีโปรไฟล์ของผู้ขับขี่ เก็บ เพศ อายุ จังหวัด พฤติกรรมขับ เคยเคลมบ่อยมั้ย ทำให้ราคาที่ได้แตกต่างกัน ถ้าคนไหนมีพฤติกรรมขับดี = ได้ราคาดี แต่ถ้าคนไหนขับไม่ดีก็จะราคาสูงแม้จะย้ายบริษัทก็ตาม

Case Study

Tesla Insurance ใช้ข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ที่ได้จากรถแบบเรียลไทม์มาคำนวณและปรับเบี้ยในแต่ละเดือน โดยคำนวณเป็นคะแนน หากคุณขับดี คะแนนความปลอดภัยสูง เบี้ยก็ถูกลงในเดือนนั้น

จากแข่งราคา → สู่แข่งประสบการณ์

จากเดิมที่ธุรกิจประกันภัยจะดึงดูดลูกค้าด้วยราคาที่ถูกกว่า แต่เมื่อทุกคนในอุตสาหกรรมเห็นข้อมูลโปรไฟล์ของลูกค้าว่าขับขี่เป็นอย่างไร ทำให้การทำราคาของแต่ละบริษัทอาจจะออกมาได้ไม่ต่างกันมากนัก เพราะคงไม่มีประกันเจ้าไหนที่เห็นลูกค้าขับแย่แล้วจะมาทำราคาเบี้ยให้ต่ำกว่าหรอก (เพราะมันคือความเสี่ยงที่ประกันต้องรับผิดชอบ) ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แตกต่างกันคือประสบการณ์และการบริการที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ

2.มีข้อมูล + เข้าใจข้อมูล = ปรับตัวได้ทัน

ในโลกธุรกิจวันนี้การมีข้อมูลอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีความเข้าใจและตัดสินใจ ปรับตัวได้ทันเวลาด้วย หนึ่งใน Case Study ที่น่าสนใจคือรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

ที่ผ่านมา บริษัทประกันเคยใช้กลยุทธ์ลดราคาแข่งกัน (Price War) เพื่อแย่งลูกค้า แต่เมื่อข้อมูลเริ่มสะท้อนความจริงมากขึ้น ประกันเริ่มมองเห็น “ต้นทุนแฝง” ที่ทำให้ต้องรีบปรับราคาขึ้นมา เพราะรู้ว่าการลดราคาไม่คุ้ม

  • อัตราการเคลม ราคาอะไหล่ และค่าแรงการจัดซ่อม
  • สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของ EV จากประเทศจีนเช่น NETA ที่มีปัญหาด้านการเงิน ทำให้ไม่มีอะไหล่ส่งมาทำให้จอดรอซ่อมเป็นเดือน
  • การซ่อมอู่ทำได้ยาก: ซ่อมอู่ได้เฉพาะตัวถัง แต่ถ้าเป็นระบบต้องเข้าศูนย์อย่างเดียว

นอกจากนี้ยังความเสี่ยงด้านมูลค่ารถตก ที่ราคารถมือหนึ่งตกลงเร็ว เช่น BYD เปิดตัว 1.2 ล้าน → ตอนนี้เหลือ 600k ซึ่งในมุมของบริษัทประกันภัยต้องลดทุนให้เร็วพอ เพราะถ้ายังตั้งทุนประกันไว้สูง อาจเสี่ยงเกิด moral hazard (ความเสี่ยงทางศีลธรรม) จากผู้เอาประกันที่อาจมองว่าขับรถลงคลองแล้วเอาทุนประกันไปซื้อรถใหม่ เพื่อได้กำไรส่วนต่าง

การมีข้อมูล…ไม่เท่ากับการอยู่รอด

สิ่งสำคัญกว่าคือ “ความเข้าใจ” ที่ทำให้คุณอ่านสัญญาณได้ขาด และ “การตัดสินใจทันเวลา” ก่อนที่ความเสี่ยงจะกลายเป็นต้นทุน

3. ออนไลน์กำลังเปลี่ยนเกมทั้งระบบ

ทุกอุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านเป็น ออนไลน์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประกันภัย ในปัจจุบันประกันรถยนต์ที่ขายแบบออนไลน์ มีราคาที่ถูกกว่าการซื้อกับช่องทางดั้งเดิมอย่างตัวแทนหรือนายหน้าราวๆ 17% คิดเป็นเงินประมาณ 5,000-6,000 บาท แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะ

  • ขั้นตอนการซื้อยุ่งยากและซับซ้อน ข้อมูลกรอกเยอะ
  • บริษัทประกันส่วนใหญ่ยังพึ่งพาช่องทางนายหน้าและตัวแทนเป็นส่วนใหญ่เพราะกลัวสูญเสียช่องทางการขายหลักในปัจจุบันไป

จากข้อมูล ในประเทศไทยเรามีตัวแทน 21,625 คน + นายหน้า 165,014 คน ถ้าหากบริษัทประกันภัยย้ายไปออนไลน์ทั้งหมด 100% อาจจะมีคนตกงานหลักแสน

แม้ตอนนี้คนที่กดไปซื้อผ่านออนไลน์จะมี 10% (ข้อมูลจาก Priceza Money) ส่วนใหญ่เป็นคนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือรุ่นใหม่ที่ถนัดเทคโนโลยี แต่ในอนาคตคนกลุ่มนี้จะมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ

คนขายประกันทั้งตัวแทนและนายหน้าต้องเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ว่า ‘เราจะอยู่ตรงไหนเมื่อประกันรถยนต์ถูกซื้อขายออนไลน์แบบ 100%’ อาจจะต้องปรับบทบาทเช่นเป็น Advisor แทน

เพราะถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนตัวเองก็อาจจะตายไปพร้อมกับสิ่งเก่าๆ

บทสรุป

จะเห็นได้ว่า Data ไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวกำหนดราคาแต่เป็นตัวสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในทุกมิติ ดังนั้นข้อมูลไม่ใช่แค่สิ่งที่ “มี” แต่ต้อง “เข้าใจและใช้ให้เป็น” ด้วย

Table of Contents

Picture of Jatawat Xie

Jatawat Xie

งานหลักเป็น PM งานเสริมเป็น Content Creator ที่สนใจในเรื่องของดาต้า เทคโนโลยี จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง เวลาว่างชอบดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ฟังเพลง
Picture of Jatawat Xie

Jatawat Xie

งานหลักเป็น PM งานเสริมเป็น Content Creator ที่สนใจในเรื่องของดาต้า เทคโนโลยี จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง เวลาว่างชอบดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ฟังเพลง