AI กำลังเปิดบทสนทนาใหม่ระหว่าง “เรา” กับ “ธรรมชาติ” เรากำลังอยู่ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่ช่วยเราทำงานให้เร็วขึ้น หรือวิเคราะห์ข้อมูลได้แม่นยำขึ้น แต่มันกำลัง เปิดประตูสู่บทสนทนาใหม่ๆ กับสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าจะสื่อสารด้วยได้เลย ซึ่งในบทความนี้ได้รวบรวมตัวอย่างผลงานจากงาน “Ecological Intelligence”: A Symposium on AI for Human-Nature Flourishing
นักวิจัย นักพัฒนา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมแชร์งานวิจัยและไอเดียเกี่ยวกับการออกแบบ AI ให้สื่อสารกับธรรมชาติอย่าง “ร่วมมือ” แทนที่จะ “ควบคุม”
หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพืช ผลงานจาก MIT Media Lab
พืชมีการใช้สัญญาณไฟฟ้าเคมีภายในเหมือนมนุษย์ในการทำสิ่งต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหว, การสื่อสาร, การปรับตัว Dr.Hopping เลยลองสร้างหุ่นยนต์ที่ควบคุมโดยสัญญาณไฟฟ้าของพืช โดยทดลองในห้องที่ปิดไฟ และวางโคมไฟไว้ที่ด้านซ้ายและขวาของหุ่นยนต์ข้างละ 1 อัน พอเปิดโคมไฟด้านซ้าย หุ่นยนต์ก็วิ่งเข้ามาหาแสงโคมไฟ แม้มันจะฟังดูแปลก และเป็นไปไม่ได้ แต่มันทำให้เห็นว่า จริงๆแล้ว พืชก็มีอิสระในการเคลื่อนไหว แต่เราเองที่ชินกับการมองว่าพืชไม่มีการเคลื่อนไหว จนบางครั้งก็ลืมไปว่ามันมีชีวิตจริงๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่ Elowan: A plant-robot hybrid
นอกจากนี้ในงานยังมีผลงานอื่นๆ ที่น่าสนใจจากนักวิจัยสถาบันอื่นๆ
Simon the Parrot
Simon เป็นนกที่ชอบเสียงเพลง แต่ไม่มีคนอยู่เปิดเพลงให้ฟัง ทางทีมวิจัยจึงออกแบบอินเตอร์เฟซให้ Simon สามารถเลือกเพลงได้เอง ซึ่งวันแรก Simon ดูเฉยๆ ไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้คือเครื่องควบคุมเพลง แต่วันที่สอง น้องเริ่มสำรวจผ่านการจิก เบียด ขย้ำ จนเริ่มเข้าใจว่าหากกัดจะเปิดเพลงขึ้นมาได้
Video Calling for Parrots
นักวิจัยได้สร้างแอปวิดีโอคอลให้เหล่านกแก้วสามารถโทรหาเพื่อนได้ โดยทดลองกับนก 18-20 ตัว พบว่า สัตว์บางตัวเริ่มสนใจที่จะเลือกโทรหาเพื่อนตัวเดิมซ้ำ ๆ ซึ่งนอกจากดูเป็นเรื่องความบันเทิงแล้ว ยังช่วยลดความเหงา และสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมให้กับนกแก้วได้อีกด้วย จากงานวิจัยจึงพบว่า การสร้างการควบคุมที่มีความหมายทำให้สัตว์มีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมมากขึ้น (ดูคลิปผลงานเพิ่มเติม)
BuzzCam
เป็นอุปกรณ์ฟังเสียงผึ้งที่ตรวจจับและจำแนกเสียงของผึ้งพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะ Bombus dahlbomii ผึ้งยักษ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ในปาตาโกเนีย เพื่อศึกษาว่าการบุกรุกของผึ้งพันธุ์ต่างถิ่นมีผลต่อระบบนิเวศแค่ไหน ผ่านการบันทึกเสียง วัดอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ และนำ AI มาวิเคราะห์เสียงแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถจำแนกเสียงผึ้ง 2 ชนิดได้ ด้วยความแม่นยำ 86% (อ่านวิจัยเพิ่มเติม)
งานวิจัยและเทคโนโลยีเหล่านี้ส่งผลให้เราเห็นถึงอะไร?
เสียงจากธรรมชาติ เป็นข้อมูลที่เรามักจะมองข้าม ทั้งๆ ที่เป็นเสียงที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย เสียงจากธรรมชาติ เสียงจากสัตว์
เราควรที่จะลองนำเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาปรับใช้ในการฟัง และเข้าใจสิ่งนี้ให้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้ไมโครโฟนใต้น้ำ (hydrophone) บันทึกเสียงในทะเล แล้วใช้ AI วิเคราะห์ว่าช่วงเวลาไหนมีการสร้างออกซิเจนมากที่สุด จะทำให้เราสามารถประเมินการดูดซับคาร์บอนได้ และสามารถนำไปต่อยอดได้
จึงทำให้เห็นว่า “เสียง” ก็เป็นข้อมูลที่สำคัญที่สามารถทำให้เราเรียนรู้อย่างอื่นต่อได้
เรื่องราวที่เรากับเทคโนโลยีเล่าเกี่ยวกับธรรมชาติไม่เหมือนกันกัน ยกตัวอย่างเช่น ในอดีตคนชอบล่าวาฬเพราะคิดว่าวาฬโง่ จนกระทั่งนักดนตรีบันทึกเสียงวาฬร้องขายเป็นแผ่นเสียงในยุค 70s ทำให้กลายเป็นแผ่นเสียงขายดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ทำให้คนเลิกมองวาฬว่าเป็นเพียงแค่ผู้ถูกล่า กลับกลายมาเป็นสัตว์ที่สามารถบรรเลงเพลงได้ และเปลี่ยนทัศนคติของโลกต่อวาฬไปตลอดกาล
เมื่อ AI สามารถถอดเสียงจากธรรมชาติได้แทนเรา บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือในการเก็บข้อมูล แต่มันอาจกลายเป็น “ล่าม” ที่ถอดความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ให้เราได้เรียนรู้ แล้วถ้าหากธรรมชาติสำคัญขนาดนั้น ทำไมเราถึงยังไม่เรียนรู้ที่จะดูแลมันอีกล่ะ?
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งจากงานวิจัยต่างๆ แล้วเราลองมาคิดดูว่า เรารู้อะไรมากน้อยแค่ไหนเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ?
ข้อมูลจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินผล และถอดข้อความต่างๆ เลยทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ และนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้น เพราะทุกเสียง ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนมีความหมายซ่อนอยู่ เพียงแค่รอให้เราฟัง เข้าใจ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
ถ้าสมมติธรรมชาติอยากบอกอะไรซักอย่างกับเรา คุณคิดว่ามันจะบอกว่าอะไร?
เรียบเรียงโดย Echooo Team